ต้นกำเนิดแมว


      จะกล่าวไปถึงกาลครั้งหนึ่งในยุคโบราณเกี่ยวกับแมวให้ฟังนะคะ...
       จริงๆแล้วแมวมีมาตั้งแต่สมัยยุคอียิปต์ โดยมีหลักฐานที่เห็นได้จากกการที่มีมัมมี่ของแมว (สามารถเดินทางไปดูได้ที่ประเทศอังกฤษค่ะ) ชาวอียิปต์จะนับถือแมวมากค่ะ โดยถือว่าเป็นเทพีองค์หนึ่ง ที่ชื่อว่าเทพี บาสเต็ดหรือเทพธิดาแมว อันเนื่องมาจากที่เมื่อเลี้ยงแมวแล้วทำให้หนูไม่มี พืชผลที่เพราะปลูกไม่เกิดความเสียหาย เป็นเหตุให้ไม่มีการแพร่ระบาดของกาฬโรค ทำให้อียิปต์กลายเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเหมือนประเทศอื่นๆ ประชากรก็มีมากพอต่อการขยายอาณาจักร จนทำให้อาณาจักรอียิปต์รุ่งเรือง แมวจึงถือได้ว่ามีความสำคัญและเป็นที่เคารพบูชาของชาวอียิปต์ค่ะ
รูปเทพเจ้าแมวแบบที่ด้านบนเป็นหัวแมว ส่วนล่างเป็นมนุษย์
       ในสมัยอียิปต์โบราณนั้น หากบ้านหนึ่งๆมีแมวตาย สมาชิกทุกคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น จะต้องไว้ทุกข์ด้วยการโกนคิ้วของตัวเองออก และนำซากของแมวไปทำมัมมี่เพื่อเก็บรักษาไว้ กล่าวคือ ซากแมวจะถูกพันห่อด้วยวัสดุหลากสี และจะมีหน้ากากที่แกะจากไม้ครอบหน้าของแมวเอาไว้ แต่บางทีก็ถูกห่อหุ้มด้วยเส้นฟางสาน แล้วนำไปฝังในสุสานใกล้โบสถ์ Bast ณ เมืองบูบาสติส ซึ่งสุสานแห่งนี้ นักโบราณคดีเคยค้นพบมัมมี่แมวมากกว่า 300,000 ตัว        ในทุก ๆ ฤดูใบไม้ผลิ จะมีผู้คนนับครึ่งล้านต่างมุ่งหน้าไปชุมนุมเพื่อร่วมพิธีบูชาแมว หรือที่เรียกว่า พิธี Bastet ซึ่งในแต่ละครั้งจะมีมัมมี่แมวนับ 100,000 ตัว ถูกฝังเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเทพีบาสเต็ต ผู้เป็นเทพแห่งแมว โดยชาวเมืองจะนำเนื้อสัตว์ น้ำผึ้งและผลไม้ มีสาวงามที่ประดับดอกไม้บนศรีษะ ออกมาร้องเพลงร่ายรำถวายเทพเจ้า  พิธีดังกล่าวเป็นที่นิยมอยู่นับเป็นเวลานานถึง 2,000 ปีจนกระทั่งถูกห้ามอย่างเป็นทางการ ในปี ค.ศ. 390ซึ่งเป็นช่วงที่พิธีเสื่อมความนิยมลงไปมากแล้ว


รูปปั้นบูชาเทพเจ้าแมวแบบเป็นแมวทั้งตัว


มัมมี่แมว
      แต่การที่แมวจะแพร่ขยายออกไปนอกเหนือจากอาณาจักรอียิปต์ได้นั้น เป็นเพราะว่าชาวอียิปต์จะเอาแมวใส่ลงไปในเรือเพื่อให้ช่วยจับหนูที่อยู่บนเรือของพวกเขา เมื่อออกไปค้าขายกับอาณาจกรอื่นๆ อาจทำให้แมวติดไปกับเรือด้วย และเกิดการแพร่ขยายพันธุ์ไปทั่วทุกทวีป เมื่ออาณาจักรอียิปต์ล่มสลายลง อาณาจักรโรมันเข้ามามีอำนาจแทน ชาวโรมันเชื่อว่าแมวเป็นตัวแทนของภูตผีปีศาจแม่มดพ่อมดทั้งหลาย จึงมีกฎว่า หากพบใครเลี้ยงแมวจะถือว่าเป็นพวกแม่มด ปีศาจ จะทำการเผาทั้งคนทั้งแมวแบบเป็นๆค่ะ และถือเป็นการล้มล้างระบบวัฒนธรรมของอาณาจักรอียิปต์ได้อีกด้วย
        เมื่อเทคโนโลยีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เข้ามา ทำให้เราสามรถค้นคว้าหาได้ว่าแมวมาจากที่ใด มีพันธุกรรมมาจากสัตว์อะไร โดย นักชีววิทยาค้นพบว่า บรรพบุรุษของแมวถือกำเนิดขึ้นกว่า 50 ล้านปีมาแล้ว เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และกินเนื้อเป็นอาหาร เรียกว่า Miacis และได้วิวัฒนาการขั้นมาจนเริ่มมีลักษณะคล้ายแมวเมื่อ 10 ล้านปีก่อน มีขนาดและรูปร่างใกล้เคียงกับแมวป่าที่มีเขี้ยวขนาดใหญ่ เรียกว่า Dinistis
ลักษณะของ Miacis

       ต้นตระกูลของแมวบ้านจริงๆนั้น แยกออกมาจากตระกูลของ เสือไซบีเรียน และแมวพื้นเมืองต่างๆ ในปัจจุบันสายพันธุ์แมวถูกรวบรวมไว้ถึง 36 ตระกูล 51 ชนิด (รวมทั้งสิงโตและเสือต่างๆด้วย)        แมวมีชื่อเรียกทั่วไปในภาษาลาตินว่า "เฟลิส คาตัส" (Felis Catus) เป็นสัตว์เก่าแก่ดึกดำบรรพ์ แมวมีอยู่ในทุกทวีป รูปร่างลักษณะและโครงสร้างคล้ายคลึงกัน แต่ขนาดอาจผิดกันและความยาวของขนต่างกัน แมวเมืองหนาวมีขนยาวกว่าแมวในเมืองร้อน แมวที่นิยมเลี้ยงกันมีหลายพันธุ์ เช่นพันธุ์เปอร์เซีย และพันธุ์ไทยเป็นต้น ชาวตะวันตกเชื่อว่าแมวนั้นเดิมเป็นสัตว์ในแอฟริกา ชาวอียิปต์นำมาเลี้ยงไว้ในบ้าน แมวจึงอยู่กับคนเรื่อยมา จนในที่สุด เผ่าพันธุ์ของแมวก็กระจายไปทุกหนทุกแห่งทั่วโลก แมวพันธุ์แรกคือ อบิสซีเนียขายาว หน้าแหลมยาว ต่อมาจึงมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างลักษณะออกไปต่างๆ นานาตามหลักทางชีววิทยา แต่แมวที่ยังคงลักษณะรูปเดิม คือมีรูปร่างเพรียว หน้าแหลม ตาคม สัญนิฐานว่าเหลือเพียงสามพันธุ์ในโลก คือ แมวอบิสซิเนียน แมวอียิปต์ และแมวไทยแมวทั้งสามพันธุ์นี้หน้าตาไม่แตกต่างกันมากนัก สองชนิดแรกสัญนิฐานว่าอาจสูญพันธุ์ไปแล้ว คงเหลือแต่ "แมวไทย" ที่นับเป็นพันธุ์เก่าแก่ที่สุดในโลกอยู่พันธุ์เดียว บรรพบุรุษของแมวไทยน่าจะเป็นแมวอียิป์ เพราะมีรูปร่างหน้าตาที่คล้ายกันมาก
แมวอบิสซิเนีย

Creative Commons License
cat cafe is licensed under a Creative Commons Attribution-ShareAlike 4.0 International License.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น